รายละเอียด
ดาวน์โหลด Docx
อ่านเพิ่มเติม
โอเค อันนี้เสร็จแล้ว อันนี้เสร็จแล้ว เพิ่มเติมอีกหน่อย โอเค ฉันเพิ่งเขียนข้อความสั้น ๆ สองสามข้อภายใต้แสงน้อย ๆ ของโทรศัพท์ เพราะ มิฉะนั้น ฉันจะตื่นขึ้นมา ฉันจะเชื่อมโยงกับโลกนี้มากเกินไป และเป็นเรื่องยากที่จะ พูดคุยกับพวกเขา และหากฉันเปิดเครื่องบันทึกเสียง ไฟขนาดใหญ่ก็จะเปิดขึ้น ฉันก็จะถูกดึงกลับมายัง โลกอีกครั้ง และ การสนทนาของเราก็จะสิ้นสุดลง มันยาก งานนี้ มันแตกต่างไปเพราะว่านี่เป็นการ พูดคุยกับมิติที่สูงกว่า ไม่เหมือนแต่ก่อน เวลาฉันได้คุยกับเหล่าลูกศิษย์ ของพระเจ้า และมีแสงสว่าง ทุกรูปแบบที่สว่างไสวมาก มันแตกต่างกัน ระดับการพูดคุยก็ แตกต่างกัน การเชื่อมต่อแตกต่างกัน เมื่อก่อน ตอนที่ฉัน แค่อ่านหนังสือ เล่าเรื่องราวต่างๆ และอื่น ๆ ให้คุณฟัง มันก็โอเคที่จะมีแสงสว่าง ไฟดวงโตและสว่างจ้าแต่ขณะนี้ ถ้าฉันอยากสนทนา กับมิติที่สูงกว่า ฉันมีแสงสว่างมากเกินไปไม่ได้ และฉันก็เปิดไฟบ้างเป็นครั้งคราว เพื่อจดบางสิ่งบางอย่าง เพื่อไม่ให้ฉันลืม เช่น มีกี่คนจากดาวเคราะห์เรา ที่อาศัยอยู่ร่วมกับ ชาวพระอาทิตย์ที่พระอาทิตย์ หรือมีชาวพระอาทิตย์อาศัยอยู่ ที่นั่นกี่คน เป็นต้น ฉันต้องจดตัวเลขเอาไว้ ไม่งั้นฉันจะลืม และเช่น อีกกี่ปีในโลก ที่พวกเขาจะไปถึงระดับที่ห้า จากตอนนี้ พวกเขาอยู่ระดับที่สี่ ในพระอาทิตย์กับพระจันทร์ มีระดับใกล้เคียงกัน ระดับที่สี่ แต่ระดับสี่สูงนั้น ก็ไม่ได้เหมือนกันทั้งหมด บางคนอยู่ในระดับสี่กลาง บางคนก็อยู่ระหว่างระดับกลาง และระดับสูงของระดับสี่ และหากพวกเขาอธิษฐานและ ขอด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน จะมีอาจารย์บางท่าน มาสอนพวกเขา เนื่องจากอาจารย์นั้น แท้จริงอาศัยอยู่ในพระอาทิตย์พระอาทิตย์ไม่ได้เป็นแบบที่เราเห็น คนในที่อาศัยอยู่ ภายในพระอาทิตย์ พวกเขาคือระดับที่สี่ แต่ส่วนนอกของพระอาทิตย์นั้น เป็นโลกของ "นัม” ที่แปลว่า สัจธรรม และมีอาจารย์อาศัยอยู่ที่นั่น มันสวยงาม มหัศจรรย์ สุดเหลือเชื่อจริง ๆ คุณไม่สามารถใช้คำพูด มาอธิบายมันได้ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วน อยู่เหนือจินตนาการและ ความเข้าใจของมนุษย์ ดังนั้นบางครั้งอาจารย์จาก ภายนอกพระอาทิตย์ก็จะเดินทางมา ยังแกนกลางภายในของพระอาทิตย์ เพื่อสอนผู้คนที่นั่น และอีกทั้งตามคำขอร้องและ อ้อนวอนอย่างอ่อนน้อมต่ออาจารย์ พวกเขาก็จะไปที่พระจันทร์ด้วย พระจันทร์ชั้นใน ชาวพระจันทร์ชั้นใน เป็นชาวระดับที่สี่ แต่พระจันทร์ชั้นนอกนั้นต่างจาก พระอาทิตย์ชั้นนอก โลกของพระจันทร์ชั้นนอก นั้นมองไม่เห็น และผู้คนที่นั่น อยู่ระดับที่สาม ไม่ใช่ระดับที่สี่โดยปกติแล้ว ฉันบอกคุณแล้วว่า ชาวพระจันทร์ พวกเขามาจาก สถานที่ที่เรียกว่า "โลกแห่งสันติ" มันต่างจาก "โลกคนรักสันติ" แค่คล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นผู้คนระดับที่สาม ในโลกภายนอกของพระจันทร์ โลกภายนอก รอบ ๆ โลกภายใน พวกเขาอยู่ระดับที่สาม แต่พวกเขาฝึกฝนอย่างหนักมาก และพวกเขาจะไปถึงระดับที่สี่ แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขา จะเข้าไปข้างในอาศัยอยู่กับมนุษย์ ที่ดูเหมือนผู้พำนักในที่นั้น พวกเขาจะแค่อยู่ข้างนอก โลกเหมือนกันของพระจันทร์ชั้นนอก นั่นคือตอนที่ฉันถามพระจันทร์ อ้อ ดังนั้นราชาแห่งพระจันทร์ ก็ตอบฉันเช่นนั้น สั้นมากเพราะว่าฉันคุย กับพระอาทิตย์มากกว่า พระอาทิตย์เป็นหัวข้อหลัก ในการสนทนาของเราอาจารย์สูงสุดและวิญญาณ วิญญาณของฉัน คือสิ่งเดียวกัน – รวมกันเป็นหนึ่ง แต่สำหรับงานบนดาวเคราะห์นี้ ในโลกแห่งกายภาพ จำเป็นต้องมี ร่างกาย สมอง และ สิ่งอื่น ๆ ทั้งหมด ดังนั้น เนื่องจาก อาจารย์หรือพระเจ้าไม่สามารถ สนทนากับมนุษย์ในโลกกายภาพได้ อย่างแท้จริง ดังนั้น พวกท่านจึงต้องใช้ “ออฟฟิศ” นี้ ฉันเรียกร่างกายของฉันว่าออฟฟิศ สามองค์สุดยอด ผู้ทรงพลังที่สุด ที่กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง และสิ่งใดก็ตามที่เข้าไปในจิต ต้องแปลไปยังสมอง แล้วฉันก็สามารถพูดคุยกับคุณ ด้วยภาษามนุษย์ได้ เพราะพระเจ้าสามารถพูดคุยกับมนุษย์ แต่มนุษย์ไม่สามารถได้ยินมัน นั่นคือปัญหา ได้ยิน คุณก็ได้ยิน แต่คุณไม่เข้าใจ เห็น คุณก็เห็น แต่คุณไม่ได้รับรู้ นั่นคือปัญหาของมนุษย์มนุษย์อธิษฐานมากมายต่อพระเจ้า ต่อเหล่าทูตสวรรค์ ต่อสวรรค์ แต่ไม่ค่อยตระหนักถึง สิ่งที่พระเจ้าบอกพวกเขา นั่นคือปัญหา คนที่บำเพ็ญ ธรรมวิถีกวนอิม ได้ยินเสียงพระเจ้าได้ แต่ไม่ใช่ทุกวัน หรือตลอดเวลา แน่นอน แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ทำได้ เวลาพวกเขาอธิษฐาน พวกเขาจะได้ยินสิ่งที่พระเจ้าตรัส หรือพวกเขาสามารถเห็นพระเจ้า ปรากฏในนิมิตภายในของพวกเขา เช่น พระเยซูหรือพระพุทธเจ้าที่ ปรากฏในนิมิตของพวกเขา และตอบคำถามบางคำถามของพวกเขา ดังนั้นส่วนใหญ่ พวกเขาไม่ต้องการสิ่งนั้นด้วยซ้ำ พวกเขาสามารถถามอาจารย์กายภาพได้ อย่างเช่น ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ พวกเขาสามารถถามแล้วก็ พวกเขาจะมีคำตอบที่บ้าน
วันที่ 22 มิถุนายน ผมและภรรยาผู้เป็นผู้ประทับจิตได้ เริ่มทำสมาธิแบบกลุ่มทั่วโลกร่วมกัน ที่บ้านเวลา 21.00 น. ทันใดนั้น เธอก็ยื่น สร้อยคอ "ทางสายกลาง" ของ อัญมณีสวรรค์ เอส.เอ็ม. ให้ผม ซึ่งเพื่อนของผม ทิ้งไว้ให้เราดูแล หลังจากสวมใส่แล้ว ผมก็เริ่มนั่งสมาธิ แบบกวนอิมในทันที ทันใดนั้น พลังอันแข็งแกร่งมาก ก็พาผมเข้าสู่จักรวาลอย่างรวดเร็ว ผมเห็นพระโพธิสัตว์กวนอิม ถือขวดน้ำอมฤต ไว้ในพระหัตถ์ซ้ายของท่าน และถือกิ่งต้นหลิวไว้ในพระหัตถ์ขวา ขณะที่พระองค์ โปรยน้ำอมฤตลงบนตัวผม อย่างรวดเร็วและแรงกล้า ในเวลานั้น ผมจำได้ว่า ท่านอาจารย์ก็คือ พระโพธิสัตว์กวนอิม เช่นกัน และโพธิสัตว์กวนอิม ก็กลายมาเป็นท่านอาจารย์ทันทีผมขอคำแนะนำจากท่านอาจารย์ ถึงปัญหาทางการเงิน ของครอบครัวเรา ที่กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ ท่านอาจารย์ตอบว่า “มันเป็น การทดสอบของคุณ” นักบุญที่แท้จริง แม้ในช่วงเวลาสุดท้ายก่อนตาย ก็ยังเชื่อ 100% ว่า พระเจ้าจะให้ความช่วยเหลือ และการสนับสนุน ที่เขาต้องการ เมื่อคุณก้าวไปข้างหน้า ก็จะมีหินแห่งกรรมมากมาย ตลอดทาง ซึ่งปรากฏออกมา จากกรรมของคุณ”ผมถามท่านอาจารย์ว่า ท่านจะ สามารถช่วยผมเอาก้อนหินออกได้ หรือไม่ อาจารย์กล่าวว่า “ไม่ได้ เพราะมันเป็นการทดสอบของคุณ แต่คุณได้ผ่านไปแล้วอันหนึ่ง เมื่อเร็ว ๆ นี้ สิ่งต่าง ๆ จะค่อย ๆ ดีขึ้น ยังมีหินแห่งกรรม อยู่บนเส้นทางของคุณอีกมาก แต่ไม่เป็นไรนะ ฉันจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอเพื่อ ช่วยคุณผ่านเรื่องเหล่านั้นไปให้ได้”ผมถามท่านอาจารย์ว่า “ไฉน ท่านจึงรู้สึกว่าผมใกล้ชิดท่าน ตลอดเวลา ในขณะที่ผมกลับรู้สึกว่า ผมอยู่ไกลจากท่านมาก?” ท่านอาจารย์บอกว่า มันคือกรรมผมขอขอบพระคุณ ท่านอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่จากใจจริง ที่เมตตาอุปถัมภ์ดูแล และอยู่ร่วมกับเรา ภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบาก ของโลก ท่านอาจารย์ยังคงอยู่ ที่นี่ร่วมกับเราเหล่าศิษย์ และคอยชี้นำเรา ผมขอบพระคุณอย่างสุดซึ้งต่อท่าน ท่านอาจารย์ หยูเฟิง จากไต้หวัน (ฟอร์โมซา)
พวกเขาไม่จำเป็นต้องพบ กับ [ท่านอนุตราจารย์] ชิงไห่ เพื่อฟังคำตอบ การจะถามอาจารย์ ในโลกกายภาพนั้นง่ายกว่า การขอจากพระเจ้า หรือพระเยซูเจ้า หรือพระพุทธเจ้าจาก ดินแดนของพระอมิตาภพุทธเจ้า เป็นต้น ที่จะตอบคุณ เพราะในร่างทางกายภาพ มีระดับความถี่และ ปัญญาที่ต่างกันดังนั้นพระเจ้าหรือพระพุทธเจ้าตอบเรา แต่คนจำนวนมากไม่ได้ยิน และพวกเขาก็ตำหนิพระเจ้า ที่ไม่ได้ยินพวกเขา ยิ่งพวกเขาไม่ได้ยินพระเจ้า ไม่เห็นพระเจ้า ไม่รับรู้พระเจ้า ไม่เชื่อพระเจ้า และเมื่อพวกเขาไม่เชื่อพระเจ้า มายาก็ใกล้เข้ามาแล้ว พวกเขามาพูดจาไร้สาระหรือ พูดจาหวาน ๆ เพื่อหลอกลวงผู้คน ผู้บริสุทธิ์ และเปราะบาง หรือล่อลวงพวกเขา ให้ทำงานร่วมกับพวกเขา สร้าง ปาฏิหาริย์เล็ก ๆ น้อย ๆ หรือ อะไรบางอย่างประมาณนั้น เพียงเพื่อจะติดสินบนพวกเขาแล้วมนุษย์ก็จะเชื่อมายา มากกว่าพระเจ้าเพราะพวกเขา สามารถมองเห็นมันได้ มันใกล้กับมายามากกว่า ที่นี่คือโลกแห่งมายา ราชาแห่งมายา ดังนั้นจึงง่ายกว่าสำหรับ มนุษย์ที่จะพึ่งมายาและ เชื่อตามนั้นแทนที่จะ เชื่อพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่แต่นี่ก็เป็นบทเรียนนะ มนุษย์ต้องการมาที่นี่เพื่อ ทดสอบความอดทน พละกำลัง และ ความยืดหยุ่นของตน แต่สุดท้าย พวกเขาก็ล้มเหลวอย่างน่าเสียดาย และเมื่อพวกเขาเหนื่อยล้า หรือขาดวิ่นในโลกนี้ จากการถูกหลอกลวง ด้วย การถูกกล่าวหาอย่างผิด ๆ ด้วยการถูกทรมาน ทุกวันหรือผ่านขุมนรก แล้วกลับมายังโลกมนุษย์ อีกครั้งหรือในสวรรค์ เบื้องล่างและเข้าออก ตลอดเวลา รีไซเคิลแบบนั้น พวกเขาเหนื่อยมาก จนไม่สามารถต่อสู้ ด้วยตัวเองได้อีกต่อไป ความกระตือรือร้นและพลังจากสวรรค์ ของพวกเขารวมทั้งความเชื่อมั่น ในตนเองของพวกเขาล้วนสูญหายไป แล้วเขาก็เรียกพระเจ้า เรียกสวรรค์ เรียกพระพุทธเจ้าให้มาช่วยเขา และถึงเวลานั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่า คนที่อธิษฐานจริงใจแค่ไหน พระเจ้าจะส่งพระบุตร หรือตัวแทนของท่าน ในรูปแบบต่าง ๆ หญิงหรือชาย เพื่อช่วย วิญญาณเหล่านี้อย่างไร เพราะ พวกเขาต้องการอย่างยิ่งบรรดาอาจารย์เหล่านี้บางท่าน เสด็จมาจากสวรรค์เบื้องบน เพื่อเสด็จลงมายังโลกนี้ โดยเจตนาเพื่อช่วยอาจารย์ ที่มีชีวิตอยู่ในเวลานั้น เพื่อช่วยอาจารย์ทำภารกิจ เพื่อช่วยเหลือดวงวิญญาณมากมาย ที่มีความเกี่ยวข้อง กับพวกเขามาตั้งแต่สมัยก่อน ยุคสมัยที่ยาวนานมาก เช่นเดียวกัน หรือแม้กระทั่ง ไม่กี่ชาติที่ผ่านมา หรือบางทีก็ ในชาตินี้ด้วยซ้ำ ดังนั้น ที่เรียกกันว่าลูกศิษย์เหล่านี้ ส่วนใหญ่ ก็คือ วิญญาณที่สิ้นหวังนั่นเอง พวกเขาต้องการความช่วยเหลือจริงๆ พวกเขารู้สึกเหมือนจะ จมน้ำหรือกำลังจะตาย พวกเขาไม่สามารถ ช่วยตัวเองอีกต่อไปที่จะ ต่อสู้ เรียนรู้ หรือ พัฒนาตัวเองในโลกนี้ แล้วอาจารย์จะมา ตามพระบัญชาและ ความรักของพระเจ้า ลงมาช่วยวิญญาณเหล่านี้โดยปกติแล้วมันจะดำเนินต่อไป เช่นนั้นเรื่อยไปจนกระทั่ง ถึงเวลาที่โลกจะแตกสลาย ความผ่อนปรนจึงเพิ่มมากขึ้น แต่ในเวลานั้น มนุษย์ ทุกคนจะมีความฉลาดน้อยลง และสัญชาตญาณน้อยลง ส่วนใหญ่พวกเขา จมน้ำตายไปหมดแล้ว ถูกวางยาพิษ ถูกล้างสมอง และถูกปนเปื้อนโดยระบบ มายิกในโลกนี้ไปแล้ว และมันเป็นเรื่องยากมาก ที่อาจารย์ จะมาบอกอะไรพวกเขา พวกเขาไม่เข้าใจเลย แม้แต่การพูดคุย เล็ก ๆ น้อย ๆ ธรรมดา ๆ พวกเขาก็ไม่เข้าใจ หรือเขาบิดเบือนมัน ไม่เพียงแต่พวกเขาไม่เข้าใจ แต่ยังจะบิดเบือน อย่างมากมายเพื่อทำให้ คนอื่นสับสนมากยิ่งขึ้น แล้วถ้าพวกเขา ไม่ฆ่าอาจารย์ก็ ถือว่าโชคดีแล้วเป็นเรื่องยากมากที่จะสอน มนุษย์ในโลกนี้โดยเฉพาะ ในช่วงเวลาสุดท้ายนี้ ซึ่ง เกือบจะถึงช่วงเวลาสุดท้ายแล้ว เมื่ออาจารย์ของโยคานันทะ จี ตอนท่านกลับมา มาจากโลกทิพย์ ได้ผ่านเขตแดนของโลกทิพย์ เพื่อกลับมาหา ศิษย์ของพระองค์ คือ ปรมหังสา โยคานันทะ จี ท่านได้บอกกับโยคานันทะ จี ว่า ท่านชอบที่จะสอน สิ่งมีชีวิตในระดับโลกทิพย์มากกว่า เพราะสิ่งมีชีวิตในโลกทิพย์ สอนง่ายกว่ามนุษย์ บนดาวเคราะห์นี้ นั่นถูกเขียนไว้โดย โยคานันทะ จี ใน “อัตชีวประวัติของโยคี" มันเป็นงานเขียนในหนังสือของท่านPhoto Caption: มีสิ่งที่ดีและสิ่งที่ร้าย จะต้องระวัง
